วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้ี่ที่มีใจกรุณา

"บุคคลผู้ใดมีใจกรุณา ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ" (มัทธิว 5:7)

พระเจ้าของเรา เป็นพระเจ้าแห่งการตอบแทน  ใครที่เชื่อฟังพระเจ้า กระทำตาม ก็จะได้รับการตอบแทน  แต่สิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา กฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทรงบัญชาเพื่อที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับและเจ้า และอีกส่วนหนึ่งคือเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเพื่อนบ้าน
ผู้ที่เชื่อฟัง พระเจ้าทรงตอบแทนเสมอ และพระเจ้าจะทรงรับประกันความพอใจของเรา
การที่พระเจ้าสั่งให้รักผู้อื่น ก็คือให้เรามีใจกรุณาต่อเขาเหล่านั้นนั่นเอง
พระเจ้าสั่งให้เรารักพระเจ้า และให้รักเพื่อนบ้าน  ดังนั้นเราจะต้องรักผู้อื่นเสมอ ต้องช่วยเหลือเพื่อนบ้าน และมีความกรุณาต่อผู้นั้น แม้กระทั่งศัตรูเอง เราก็ต้องรักเขา  ถึงแม้ว่าอาจจะดูว่าเป็นไปได้  แต่ว่าถ้าเราลองเริมที่จะเป็นเพื่อนบ้านของเขาเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ดีกับเรา เราจะสามารถรักเขาได้ และเราจะได้รู้ว่าเป็นความยินดีเพียงใด ซึ่งมีแต่คนที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ และผู้ที่อยู่ในแผ่นดินสวรรค์เท่านั้นที่จะทำได้ เราต้องเปิดใจให้กว้าง ๆ ยอมเชื่อฟัง
เราจะต้องทำตามแบบอย่างของหญิงชาวสะมาเรีย ที่พระเยซูทรงกล่าวไว้ในคำอุปมาของพระองค์เกี่ยวกับเพื่อนบ้าน ให้เราทำตัวแบบชาวสะมาเรียนั้น ที่ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน แม้ว่าจะเป็นชนชาติที่เป็นศัตรูกัน
"29 แต่คนนั้นปรารถนาจะแก้ตัว จึงทูลพระเยซูว่า 'ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า'
30 พระเยซูตรัสตอบว่า 
'มีชายคนหนึ่งลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น โจรนั้นได้แย่งชิงเสื้อผ้าของเขาและทุบตี แล้วก็ละทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว
31 เผอิญปุโรหิตคนหนึ่งเดินลงไปทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
32 คนหนึ่งในพวกเลวีก็ทำเหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง
33 แต่ชาวสะมาเรียคนหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึงคนนั้น ครั้นเห็นแล้วก็มีใจเมตตา
34 เข้าไปหาเขาเอาผ้าพันบาดแผลให้พลางเอาน้ำมันกับเหล้าองุ่นเทใส่บาดแผลนั้น แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง พามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง และรักษาพยาบาลเขาไว้
35 วันรุ่งขึ้นเมื่อจะไป เขาก็เอาเงินสองเดนาริอันมอบให้เจ้าของโรงแรม บอกว่า 'จงรักษาเขาไว้เถิด และเงินที่จะเสียเกินนี้ เมื่อกลับมาฉันจะใช้ให้'
36 ในสามคนนั้น ท่านคิดเห็นว่าคนไหนปรากฏว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น
'
37 เขาทูลตอบว่า 
'คือคนนั้นแหละที่ได้สำแดงความเมตตาแก่เขา' พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า 'ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้นเถิด' (ลูกา 1:29-37)

                        
จะเห็นได้ว่า พระเยซูไม่ทรงกล่าวว่า ในที่สุดแล้ว ผู้ที่บาดเจ็บจะตอบแทนแก่ชาวสะมาเรียนั้นหรือไม่ ก็หมายถึงว่า พระองค์ไม่ต้องการที่จะให้เราหวังสิ่งตอบแทนหลังจากการช่วยเหลือแล้ว



         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น