วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้ที่มีใจอ่อนโยน

"บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก" (มัทธิว 5:5)

พระเยซูคริสต์ ทรงอ่อนสุภาพอย่างมาก  อ่อนโยน  ทรงช่วยผู้ที่เดือดร้อนเสมอ  พระองค์มิได้ทรงรังเกียจผู้ใด  แม้จะเป็นคนจน คนโรคเรื้อน คนเจ็บป่วย  พระองค์ก็ทรงใช้ความอ่อนโยน ช่วยคนเหล่านั้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด  เช่น พระองค์ทรงต้อนรับ นิโครเดมัส  แม้ว่าเขาจะไม่กล้ามาหาพระเยซูคริสต์ในเวลากลางวัน  แต่มาพบพระองค์กลางคืนเพราะไม่อยากให้ผู้ใดรู้  แต่พระองค์ก็ทรงต้อนรับเขาด้วยความยินดี  และในที่สุด  นิโครเดมัสก็เป็นผู้ที่อยู่ฝ่ายพระองค์  ช่วยพูดแทนพระองค์ในสภาในภายหลัง
ความอ่อนโยน  นำไปสู่มิตรภาพ  มีแต่คนอยากอยู่ใกล้  พระคัมภีร์จึงได้กล่าวว่า  เราจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก  เพราะผู้คนในโลกนี้ จะเป็นมิตรกับเรา  ไม่ใช่เฉพาะกับเด็กเท่านั้น  แต่กับทุกคน  แล้วจะนำไปสู่พระพรที่ได้รับจากพระเจ้า
ดังนั้น  อุปนิสัยนี้  ขอหนุนใจ ที่จะเป็นอุปนิสัยประจำตัวของคริสเตียน  ที่จะแสดงความอ่อนโยนกับทุกคน  ทำดีด้วยความเป็นมิตร ต่อศัตรู  เป็นสิ่งที่เราควรจะฝึก  เพราะเป็นอุปนิสัยของคนในแผ่นดินสวรรค์  แล้วเราจะมีประสบการณ์มากมาย
แม้บางคนบอกว่า "ไม่ใช่บุคลิกของฉัน"  ก็จำเป็นที่คนนั้นจะต้องเปลี่ยน  เพราะเป็นท่าที่ที่พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้แก่เรา
กับคนที่ไม่เป็นมิตรกับเรา  และมีท่าทีที่ไม่ดีต่อเรา  เราก็จำเป็นต้องระมัดระวังตัว  แต่เมื่อพูดคุยกับคนเหล่านั้น  เราก็ควรจะควบคุมตนเอง  และแสดงกิริยาที่อ่อนสุภาพอ่อนโยนเสมอ  อย่าพูดด้วยความโกรธ  อย่าโต้ตอบด้วยอารมณ์  แม้เสียงจะไม่นุ่มนวลเหมือนการพูดกับมิตร  แต่เราก็ต้องควบคุมท่าที่  ต้องยึดไว้ให้มั่น
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า  แค่ อย่างนี้  ก็ไม่ง่ายที่จะประพฤติตาม  แต่เราต้องตระหนักเสมอว่า  เป็นอุปนิสัยที่เราจะต้องฝึกฝน และประพฤติตาม  เพราะเป็นอุปนิสัยของชาวสวรรค์ ในการที่อาศัยในแผ่นดินสวรรค์
ทั้งหมดทุกสิ่งนี้  ก็อยู่ในพระบัญญัติข้อที่ ที่พระเยซูทรงตรัสสั่งพวกเราไว้  นั่นคือ
"29 พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า 'ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอลจงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว
30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน
31 และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี' " (ลูกา 10:29-31)
บางคนอาจจะอ้างถึงตอนที่พระเยซูทรงโกรธเมื่อพระองค์ทรงเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในพระวิหาร  แต่เราต้องทำความเข้าใจว่า  พระองค์ทรงโกรธในสิ่งที่ผิดต่อพระเจ้า  ไม่ใช่สิ่งที่ผิดต่อพระองค์
แต่สำหรับคนเหล่านั้นที่แสดงท่าทีที่ไม่ดี  หยาบคายต่อพระองค์  พระองค์ก็ยังคงทรงแสดงกิริยาที่สุภาพเสมอ  แม้กระทั่งกับคนที่เฆี่ยนตีพระองค์  ผู้ที่กล่าวคำดูถูกพระองค์  ทำร้ายพระองค์
อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่า
"26 จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่
27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร" (เอเฟซัส 
4:26-27)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น